เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับสวนมะละกอของผู้เขียนเองครับ โดยมีพื้นที่อยู่บางส่วนที่เป็นที่ลุ่มมักจะมีน้ำขังเวลาฝนตกหนัก ๆ จะทำให้มะละกอ ใบเหลือง เพราะรากมะละกอขาดออกซิเจน แต่ไม่ถึงกับตาย เมื่อน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ๆ ทำให้มะละกอต้องทิ้งใบเป็นจำนวนมากเพื่อรักษาตัวเองไว้ และเกิดภาวะโรคแทรกซ้อน ที่มีปัญหาหลัก ๆ เลยก็คือ เชื้อราไฟธ็อปทอรา เข้าทำลายระบบราก ทำให้รากมะละกอ เน่าและเปื่อยยุ่ย ผู้เขียนจึงแก้ไขโดยใช้ไตรโคเดอร์ม่า 2 กิโลกรัม ผสมกับพูมิช-ซัลเฟอร์ 1 กระสอบ (20 กิโลกรัม) แล้วนำไปโรยรอบโคนต้นมะละกอที่เป็นโรค อัตราต้นละ 1 กำมือ จากนั้นก็นำไตรโคเดอร์ม่ามาหมัก โดยใช้น้ำ 20 ลิตร กากน้ำตาล 1 ลิตร ไตรโคเดอร์ม่า 2 ช้อนแกง หมักไว้ 8 ชั่วโมง หลังจากหมัก 8 ชั่วโมงแล้ว ก็นำไตรโคเดอร์ม่าที่หมักไว้ มาผสมน้ำอีก 180 ลิตร รวมเป็น 200 ลิตรใส่จุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ลิตร แล้วนำไปฉีดที่โคนต้นมะละกอให้ชุ่ม เพื่อกำจัดเชื้อราไฟธ็อปทอราในโคนต้นมะละกอให้หมดไป
หลังจากนั้น 7 วันก็รักษาโดยใช้วิธีเดียวกันนี้อีกครั้ง เมื่อครบ 7 วันที่หลังจากใส่พูมิช-ซัลเฟอร์ และไตรโคเดอร์ม่า จะพบว่ามีรากมะละกอขนาดเล็กจำนวนมากที่เกิดใหม่บริเวณโคนต้นมะละกอรวมทั้งแผลที่เกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อราไฟธ็อปทอรา ก็หายเป็นปกติ สำหรับต้นที่อาการหนัก ๆ ถึงขั้นใบกุด หรือใบไม่มีแล้วก็จะแตกยอดอ่อนขึ้นมา และจะแตกรากใหม่ประมาณ 2 สัปดาห์ และให้ทำเหมือนวิธีข้างต้นนี้ จำนวน 3 ครั้งเว้นระยะห่างกันแต่ละครั้ง ๆ ละ 7 วัน ก็จะสามารถควบคุมโรครากเน่าในมะละกอได้แล้วครับ
วิธีการป้องกัน
ถ้ามีฝนตกติดต่อกันหลายวันก็ให้ใช้วิธีที่ผู้เขียนได้กล่าวมาข้างต้นนี้ได้เลยครับ รับรองว่ามะละกอจะไม่เหี่ยวจะไม่มีปัญหาเรื่องโรครากเน่าโคนเน่ามากวนใจอีกต่อไปครับ เห็นไหมล่ะครับว่า ทุกปัญหามีทางแก้ไขและก็ต้องแก้ให้ถูกต้องแล้วก็ถูกวิธีด้วยครับ ผู้เขียนมีภาพการรักษาโรครากเน่าโคนเน่าในมะละกอนะครับ
ภาพการใส่พูมิช-ซัลเฟอร์ร่วมกับไตรโคเดอร์ม่า
ภาพการฉีดสเปรย์เชื้อราโตรโคเดอร์ม่าที่หมัก โดยฉีดใส่โคนมะละกอให้ชุ่มมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก
เขียนและรายงานโดย นายนิรุธ อาศัย (นักวิชาการ)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
081-6929660 (นิรุธ อาศัย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น